วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปลาสวยงาม

                         ปลาสวยงามนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด ผมจะยกตัวอย่างบางชนิดที่เป็นที่นิยมในการเลี้ยงไว้ดูเล่นภายในบ้าน ทั้งชนิดที่มีราคาทั่วไปและบางชนิดมีราคาค่อนข้างสูง และวิธีการเลี้ยงดูที่แตกต่าง ตามแหล่งที่มา
                                                                   ปลาปอมปาดัวร์ 

 
ที่อยู่อาศัย : ลุ่มน้ำอะเมซอนทางทวีปอเมริกาใต้ในบราซิล เปรู และโคลัมเบีย
รูปร่างลักษณะ :  มีสีต่างๆมากมายคือ  ปลาปอมปาดัวร์ 5 สี  7 สี  รูปร่างกลมแบน  ครีบหลังและครีบท้องยาวเรียวโค้งรอบลำตัว  ลำตัวน้ำตาลอามแดง  มีลวดลายสีฟ้าเข้มแต้มทั่วบริเวณลำตัวแลความยาวไม่เกิน 7
นิ้วอุปนิสัย : ชอบกินลูกน้ำ  ไรแดง  ไรสีน้ำตาล  ไส้เดือน  หนอนแดง ไข่กุ้ง
ปลาหางนกยูง

ที่อยู่อาศัย : อเมริกาใต้  

รูปร่างลักษณะ: หางเด่นสะดุดตา ตัวเมียหางจะเล็กกว่าตัวผู้สีบริเวณลำตัวจะยาว ท้องมีขนาดใหญ่

การเลี้ยงดู สามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นได้  ไม่ต้องอาศัยการดูแลมากนัก เพราะปลาชนิดนี้สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
ทองปลา
ที่อยู่อาศัย: ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ : พุงป่องอ้วน ตุ้ยนุ้ย

อุปนิสัย : การฟักตัวของไข่ของปลาทองสามารถปรับอุณหภูมิได้อยู่ระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส  ช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุดคือ 20-25 องศาเซลเซียส  ปลาทองเป็นปลาที่วางไข่ตลอดทั้งปีแต่จะชุกมากในเดือนเมษายน-ตุลาคม หรือช่วงที่อากาศไม่เย็นจนเกินไป  ปลาทองที่วางไข่ครั้งแรกแล้วจะสามารถวางไข่ติดต่อกันไปอีกเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี

การเลี้ยงดู : น้ำที่จะใช้เลี้ยงปลาทองหากเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาลต้องมีการพักน้ำทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้สารพิษต่างๆ ที่ปนอยู่ได้คลายตัวไปบ้าง เช่น คลอรีน คาร์บอนไดออกไซด์    การย้ายแม่ปลาทองที่ออกไข่จะต้องย้ายทันทีเมื่อปลาทองวางไข่เพราะมันจะเริ่มกินไข่ของตัวเองทันทีในวันต่อมา

ปลาคาร์ฟ
ที่อยู่อาศัย : ดำรงชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำจืด ที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันได้ดีมาก แม้ในสภาพอากาศร้อนปลาชนิดนี้
ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ จึงแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้ทั่วโลก
ลักษณะรูปร่าง : โดยทั่วไปปลาเพศเมียจะมีความกว้างของลำตัวมากกว่าปลาเพศผู้ บริเวณส่วนท้องจะใหญ่
นิ่ม ช่วงหัวจะกลม และป้านกว่าเพศผู้  ในฤดูสืบพันธุ์ปลาเพศเมียที่มีไข่แก่สมบูรณ์  จะมีส่วนท้องขยายกว้าง
ใหญ่ออกจนถึงเกือบจะเป็นรูปสามเหลี่ยม  เมื่อจับหงายท้องดูที่ช่องเพศจะสังเกตเห็นช่องเพศใหญ่และนูน
ออกเป็นรูปกลม ส่วนปลาเพศผู้ช่องเพศมีลักษณะเล็กเรียวกว่า และเว้าข้างในเล็กน้อย  เมื่อจับรีดท้องเพียง
เบา ๆ จะมีน้ำเชื้อสีขาวไหลออกมา และเมื่อเอามือลูบบริเวณแก้มหรือครีบหูจะรู้สึกสาก ๆ 

             ลักษณะแมวไทยไม่มงคล


   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง

แมวทุพลเพศ
มีขนสีขาว ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกคำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุขเกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ
แมวเหน็บเสนียด
ลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ


ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่ไม่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน


ลักษณะแมวไทยไม่มงคล

   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง 

                                                     แมวพรรณพยัคฆ์ หรือแมวลายเสือ

แมวลายเสือ มีลักษณะคล้ายเสือ มีขนสีมะกอกเขียว หรือมะกอกแดง หยาบกระด้าง นันย์ตาสีแดงดั่งสีเลือด เสียงร้องโหยหวนเหมือนเสียงผีโป่งร้องตามป่าเขา ชอบหลบซ่อนตามที่มืดในเวลากลางวัน ไม่ควรนำมาเลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อน
                                                                            หิณโทษ
แมวหิณโทษ แมวเพศเมียอีกชนิดที่ไม่ควรเลี้ยง แม้ว่าจะมีลักษณะดี ขนสวยงาม เข้ากับเจ้าของได้ดี แต่มีข้อเสียคือ ยามตั้งท้องครั้งใด ลูกแมวมักจะตายในท้องเสมอ ใครเลี้ยงไว้จะนำภัยพิบัติมาสู่บ้าน


ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่ไม่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน

ลักษณะแมวไทยมงคล

   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง

แมวปัดเสวตรหรือ แมวปัดตลอด
แมวชนิดนนี้ หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ ตามความเชื่อโบราณ
ลักษณะ 

ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย




ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน

ลักษณะแมวไทยมงคล


   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง

                                                                      แมวสิงหเสพย์
แมวสิงหเสพย์ หรือ แมวโสงหเสพย แมวชนิดนี้มีขนสีดำทั้งตัว แต่มีสีขาวอยู่บริเวณริมฝีปาก จมูกและรอบคอ นัยน์ตาสีเหลืองทอง ใครเลี้ยงไว้จะทำให้มีสมบัติเพิ่ม

ลักษณะสีขน

ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาวรอบจมูก และที่คอ
ลักษณะของส่วนหัว

รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
ลักษณะของนัยน์ตา

นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง

หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว



ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน

ลักษณะแมวไทยมงคล


   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง
แมวมงคล...

แมวมาเลศ หรือแมวโคราช(แมวสีสวาด)

แมวโคราช หรือแมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
แหล่งกำเนิดของแมว

เป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด
ลักษณะประจำพันธุ์ :

ของแมวสีสวาด แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช

ลักษณะสีขน :

ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย

ลักษณะของส่วนหัว :

หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

ลักษณะของนัยน์ตา :

นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน

 ลักษณะของหาง :

หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว


ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

แมวไทย...

ลักษณะแมวไทยมงคลและไม่มงคล

   หลายคนคงชื่นชอบแมว แต่รู้หรือไม่ แมวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายสายพันธุ์ บางชนิดเมื่อนำมาเลี้ยงอาจให้คุณประโยชน์ตามความเชื่อคนโบราณ บางชนิดนำมาเลี้ยงอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยง ดั่งจะยกตัวอย่างแมวที่ให้คุณและให้โทษหากนำมาเลี้ยง 

แมวมงคล...

แมวศุภลักษณ์ หรือ แมวทองแดง

แมวศุภลักษณ์.. ในสายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเอง และเป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกันมากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย 

          ทั้งนี้ มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้าของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป 

           แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์

ลักษณะสีขน


          ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป 

 ลักษณะของส่วนหัว 


          ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

 ลักษณะของนัยน์ตา 


          แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

 ลักษณะของหาง 


          หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์ 


          ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี


ครับ...นี่คือสายพันธุ์ของแมวไทยบางส่วนที่เป็นมงคลหากนำมาเลี้ยง บางชนิดยังคงมีให้เห็นอยู่ และอีกหลายชนิดก็ได้สูณพันธุ์ไปแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คุณผู้อ่าน


วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

ความหมายดีๆของดอกไม้ไทยและต่างประเทศ

ความหมายดีๆของดอกไม้ไทยและต่างประเทศ

 ดอกไม้ยังคงเป็นสื่อความหมายดีๆได้ในทุกเวลา ทุกโอกาส แม้เวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ดอกไม้ก็ยังคงเป็นที่นิยมใช้ในการสื่อเจตนารมณ์ได้ดีมาตลอด ตอนนี้เราจะมาทำความรู้จักความหมายของดอกไม้เหล่านั้นกัน
ดอกมะลิ.
ดอกมะลิ  ซึ่งแน่นอนหลายคนจะรู้ว่าดอกมะลิเป็นสัญญาลักษณ์ของวันแม่ในชาติไทยเรานี้ เป็นสัญญาลักษณ์ที่บุตรใช้แสดงความเคารพรักต่อ มารดาของตนเอง หรือผู้มีพระคุณต่อตน ดอกมะลิจึงแสดงถึงความบริสุทธิ์ เป็นรักบริสุทธิ์ ขาวสะอาด เป็นดอกไม้ที่คนสมัยก่อนชอบปลูกไว้ตามบ้าน เพราะนอกจากจะส่งกลิ่นหอมแล้วยัง ยังถือว่าจะทำให้คนในบ้านมีความคิดบริสุทธิ์ จริงใจต่อกัน
ดอกลิลลี่
ดอกลิลลี่  ดอกลิลลี่4สี จะแสดงความหมายที่ต่างกันออกไปเช่น 
  1. สีส้ม - แสดงออกถึงความสุข ความยินดี ความสดใสร่าเริง โดยนิยมมอบดอกลิลลี่สีส้มให้กับคนในครอบครัว และญาติมิตร เพื่อแสดงให้รู้ว่าเรามีความสุขแค่ไหนที่ได้อยุ่ร่วมกัน
  2. สีเหลือง - แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้รับรู้สึกอบอุ่น นิยมใช้ในโอกาสที่เราไปเยี่ยมญาติ หรือ คนป่วย
  3. สีขาว - แสดงถึงความรักที่อ่อนหวาน และบริสุทธิ์ใจ สามารถนำไปใช้แสดงความรักในวันแห่งความรักได้เช่นกัน หากไครไม่อยากจำเจ ก็ลองเปลี่ยนจากดอกกุหลาบมาเป็นดอกลิลลี่สีขาวดูสิ และยังสามารถใช้ได้ในงานมงคลต่างๆ
  4. สีชมพุ - เป็นอีกสีนึงที่แสดงออกถึงความรักได้เช่นกัน แต่ในดอกลิลลี่สีชมพูนั้นจะแสดงออกถึงความรักที่จริงใจ มั่นคง เป็นความรักที่ดีที่สุด คู่รัก หรือคนที่มีครอบครัว สามารถให้ในวันแห่งความรักเพื่อแสดงให้คนรับรู้ว่าเค้าคือคนรักที่ดีที่สุด
                                                                              ดอกกล้วยไม้
ดอกกล้วยไม้  เป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความงดงาม น่ายกย่อง เป็นดอกไม้ที่นิยมมอบให้แก่หญิงสาวเพื่อเป็นการชื่นชม และบอกให้รู้ว่าเราประทับใจในตัวเธอ และยังสามารถมอบให้คนรู้จักในโอกาสต่างๆได้เช่นกัน
ดอกทานตะวัน
ดอกทานตะวัน  ดอกทานตะวันเป็นดอกไม้ที่แสดงออกถึงความทะนงตน จึงไม่นิยมมอบให้กัน แต่ในแง่ของความรักจะแสดงถึง ความรักที่มั่นคงดั่งดอกทานตะวันที่มักจะหันหน้าไปทางพระอาทิตย์เสมอ ไม่หันมองผู้ใด
ดอกเยบีร่า
 ดอกเยบีร่า  ดอกเยบีร่านั่นมีความหมายได้หลายความหมาย โดยความหมายแรกคือความหมายเกี่ยวกับความรัก ซึ่งแสดงออกถึงรักบริสุทธิ์ รักที่ไร้เดียงสา หรือีกนัยนึงมีความหมายว่าความแข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทน


                     ดอกไม้ที่สื่อความหมายดีๆยังมีอีกนานับชนิดในที่นี้ได้ยกตัวอย่างดอกไม้บางส่วนที่แสดงความหมายดีๆทั้งดอกไม้ไทยและต่างประเทศ ความหมายของดอกไม้อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และภูมิประเทศ ดั่งนั้นหากเราต้องการจะมอบดอดกไม้แต่ละชนิดให้ไครควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าดอกไม้ชนิดนั้น ในพื้นที่นั้นๆจะสื่อความหมายได้ในทางใด ไม่เช่นนั้นจากความหวังดี อาจจะกลายเป็นความหวังไม่ดีไปโดยปริยาย หวังว่าผู้อ่านคงได้ทราบถึงคุณค่า และความหมายของดอกไม้บ้างแล้ว โอกาสหน้าผมจะนำเสนอดอกไม้ชนิดอื่นๆอีกต่อไปครับ...

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

       เปลี่ยนลูกบิดประตู-คุณสามารถทำเองได้


        สวัสดี ...                                                                                                  
                        พ่อบ้าน แม่บ้าน และผู้อาศัยบ้านทุกท่าน เราจะมาพูดถึงลูกบิดประตู ทั้งหน้าบ้าน ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว และอีกหลายๆห้องที่มีการติดเจ้าลูกบิดเข้าไป เจ้าลูกบิดพวกนี้ก้จะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามราคา ยี่ห้อ ของสินค้า แต่ก็ใช่ว่าของแบรน  ราคาแพงจะดีเสมอไป หากความชำรุดเสียหายสามารถเกิดจากความผิดพลาดจากการผลิตนั่นเอง แต่เมื่อเกิดการชำรุด เสียหายไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็อาจจะทำให้ประตูของเรานั้นไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ปิดไม่ได้ ปิดแล้วเปิดไม่ได้ เอาละครับเรามาดูวิธีการเปลี่ยน และอุปกรณ์ในการเปลี่ยนกันเลย
อุปกรณ์ในการเปลี่ยนลูกบิดประตู


  1. ชุดลูกบิดที่เราซื้อมาจากร้านวัสดุพัน
  2. ไขควงปากแฉก 

ขั้นตอนการถอดลูกบิดตัวเก่าออก



ก่อนอื่นเราต้องถอดลูกบิดตัวเก่าออกเสียก่อน โดยเราสามารถใช้ ตัวแยงสลักซึ่งมีมาให้ในกล่องของชุดลูกบิดตัวใหม่ที่เราซื้อมานั่นเอง รูของสลักถอดจะอยู่ด้านที่เป็นตัวกดล็อคเสมอ

  1. ในการถอดนั้น ให้เราหมุนลูกบิดเบาๆจะเห็นรูเล็กๆหมุนให้รูไปตรงกับสลัก แล้วนำตัวแยงสลักแทงเข้าไปให้สลักถูกกดลงพร้อมกันนั้นก็ออกแรงดึงลูกบิดนิดๆ ตัวมือจับที่เป็นลูกบิดก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย
  2. เมื่อมือจับลูกบิดหลุดแล้ว เราจะเจอกับฐานฝาครอบแบนๆ บางรุ่นอาจจะมีลวดสลักดันไว้เราแค่กดลวดสลักเล็กๆนั้นมันก็จะหลุด บางรุ่นอาจจะเป็นเดือยล็อค เราก็ใช้ไขควงปากแบนหรือมีดในครัวงัด ก็หลุดได้เช่นกัน
  3. เมื่อเราแกะฐานฝาครอบออกเรียบร้อยเราจะเจอกับฝาปิดกลไกของมัน จะมีน็อตเกลียวปล่อย ยึดไว้อยู่ 2 ตัว ให้เราจัดแจงใช้ไขควงหมุนมันออก เท่านี้ ลูกบิดทั้งชุดก็สามารถถอดออกได้แล้วครับ
  4. หลังจากขันน็อตออก ให้เราดึงลูกบิดจากด้านที่เสียบกุญแจ มันก้จะหลุดออกมาทั้งยวงเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราก็ใช้ไขควงขัน เดือยล็อคออก เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขั้นตอนการใส่ลูกบิดตัวใหม่กลับเข้าแทนที่ตัวเก่า


ในการใส่นั้นขั้นตอนอาจจะไม่ยุ่งยากเพราะมันเหมือนการย้อนศรนั่นเอง อุปกรณ์ที่ใช้ก้ยังคงเป็นไขควงตัวเดียวเท่านั้นเอง

  1. เริ่มแรกเราก็นำเดือนล็อคใสกลับเข้าไปโดยให้หน้าป้านของเดื่อยหันเข้าหาวงกลบประตู จากนั้นก็จัดการใช้ไขควงขันน็อตให้เรียบร้อย
  2. ต่อไปให้เรานำลูกบิดชุดด้านที่เป็นตัวเสียบกุญแจ หันด้านที่มีช่องล็อคเดือยเสียบใส่เข้าไป โดยขณะใส่เราก็กดเดือยล็อคซึ่งจะมีเขี้ยวเกี่ยวด้านใน ให้เขี้ยวเกี่ยวตรงกับช่องล็อค เมื่อตรงแล้วเราก็ดันลูกบิดเข้า
  3. จากนั้นนำฝาปิดกลไกใส่และขันน็อต 2 ตัวยาวๆเข้าไปขันให้แน่นพอประมาณ 
  4. นำฐานฝาครอบสวมเข้าไปให้ตรงเดือยล็อค หรือสลักล็อคของมัน แล้วนำมือจับลูกบิดสวมเข้าไป เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

                   ครับ..สำหรับวิธีถอดเปลี่ยนลูกบิดประตู เป็นแบบลูกบิดประตูทั่วไป ไว้โอกาสหน้าจะแน่ะนำถึงลูกบิดประเภทอื่นที่มีรูปทรง และวิธีการแตกต่างกันออกไป ขอให้สนุกกับการลงมือทำด้วยตัวเองน่ะครับ

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีติดแผ่นลามิเนตด้วยตัวเอง

                         การติดแผ่นลามิเนตหรือโฟเมก้าด้วยตนเอง

Dครับ...
                 ตอนนี้เราจะมาพูดถึงการติดแผ่นลามิเนต หรือแผ่นโฟเมก้า ด้วยขั้นตอนและอุปกรณ์ง่ายๆสำหรับท่านใดที่ต้องการจะปรับปรุงเฟอร์นิเจอร์เก่าหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ให้เก๋ไก๋ขึ้นด้วยลวดลายต่างๆของแผ่นลามิเนต ในตอนนี้เราจะพูดถึงการปูหน้าโต๊ะ(ไม้)ทั่วไป เช่น โต๊ะอาหาร โต๊ะคอม โต๊ะทำงาน ที่มีหน้าพื้นโต๊ะที่เรียบ จริงๆแล้วมีวิธีและเทคนิคที่ไม่ยาก สามารถลงมือทำเองได้...

           อุปกรณ์ในการติดแผ่นลามิเนตเบื้องต้น.

 อุปกรณ์ที่ใช้ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ในการทำงานไม้ หรือร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วไปที่มีการขายสินค้าหลากหลาย
  1. ตลับเมตร
  2. ดินสอ
  3. ไม้บรรทัดเหล็กยาวๆ(ขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงานที่เราต้องการจะตัด หรืออาจจะใช้วัสดุแข็งอื่นๆ ที่มีด้านยาวและตรง)
  4. คัตเตอร์  (ควรใช้คัตเตอร์ขนาดมาตรฐานทั่วไป ถ้าขนาดเล็กเกินและจะไม่ถนัดตอนกรีดอาจทำให้ชิ้นงานเสียหายจากรอยกรีดได้ ใบคัตเตอร์อาจจะใช้ใบธรรมดาทั่วไป หรือลงทุนซื้อใบคาไบร์ ใบจะสีดำๆ ซึ่งจะทนต่อการกัดกร่อนคมใบมีดจากแผ่นลามิเนตได้ดีกว่า*แต่ถ้าเป็นงานไม่มากมายก็ใช้ใบธรรมดาก็ได้ครับ)
  5. กาวทาแผ่นลามิเนต (โดยพยายามเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพนิดนึงครับ ราคาอาจจะต่างกันไม่มาก ซึ่งจะมีผลกับอายุการใช้งาน และการยึดติดระหว่างแผ่นลามิเนตกับชิ้นงาน)
  6. แปรงทากาว (หรือหากต้องการลดต้นทุน และไม่ซีเรียสก็อาจจะใช้วัสดุเป็นแผ่นบางเรียบ หรืออาจจะใช้รองเท้ายางเก่าๆตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอเหมาะมือ)
  7. ตะไบ
ผ้าหรือเศษผ้า (สำหรับใช้รีดแผ่นหลังจากทำการปูเสดแล้วเพื่อให้กาวประสานกันแน่นยิ่งขึ้นและเป็นการไล่อากาศ)

        *แผ่นลามิเนต1แผ่นจะมีขนาด ความหนา0.8  กว้าง1.22เมต ยาว2.44เมตร (ควรวัดขนาดชิ้นงานก่อนซื้อ เพื่อจะได้คำนวนถูกว่าควรใช้กี่แผ่น) 

           ขั้นตอนและวิธีการเริ่มลงมือทำ

     เมื่อเราได้อุปกรณ์และแผ่นลามิเนตตามต้องการแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือทำกันเลยครับ
  1. วัดขนาดของชิ้นงานที่เราต้องการจะปูแผ่นลงไป หากมีมากกว่า 1 หน้าชิ้นงาน (จำพวกโต๊ะต่างระดับ) ควรจะวัดขนาด ความ กว้างxยาว ของทุกๆหน้าชิ้นงาน และจดไว้ หลังจากนั้นเราก็มาคำนวนหาว่า ในขนาดหน้าของชิ้นงานที่เราหา มีขนาดเท่าไหร่เป็นลักษณะรูปทรงแบบไหน เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจตุรัส เพื่อที่จะแบ่งสันปันส่วนพื้นที่ในการตัดบนแผ่นลามิเนต 1 แผ่น ให้ใช้เนื้อที่ได้คุ้มที่สุด
  2. หลังจากเราแบ่งส่วนเรียบร้อยแล้ว (ในกรณีหน้างานเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องการแบ่งพื้นที่ของแผ่นลามิเนต) ก็มาถึงขั้นตอนการตัดแผ่น ก่อนลงมือจะขอแนะนำเทคนิคเล็กน้อย *สมมุติให้ หน้าโต๊ะเป็นสี่เหลี่ยม ขนาด60x60 ให้เราวัดแผ่นลามิเนตจากด้านกว้างโดยขึงตลับเมตร ให้วัดเผื่อจาก60cm.เป็น 60.5cm. แล้วมาร์คไว้ด้วยดินสอ จากด้านยาวก็ให้ขึงลงมา60.5cm.แล้วมาร์คไว้ จากด้านยาวที่เราวัดลงมาแล้วมาร์คไว้เรียบร้อยแล้วนั้น ให้ขึงตลับเมตรจากจุดนั้นไปทางแนวกว้าง60.5cm. แล้วใช้ไม้บรรทัดตีเส้นไว้ จากนั้นก็ใช้ไม้บรรทัดตีเส้นจากจุดที่เรามาร์ค60.5cm.ด้านบนในทีแรกลงมา เราก็จะได้ขนาดแผ่นลามิเนต คือ 60.5x60.5cm.เป็นการเผื่อส่วนที่เกินไว้เก็บขอบหน้างานเพื่อความสวยงาม **การวัดและตัดควรทำบนด้านหน้าของแผ่นลามิเนต
  3. หลังจากวัดและตีเส้นด้วยดินสอเรียบร้อยเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ให้ใช้ไม้บรรทัดวางทาบตามเส้นแล้วใช้คัตเตอร์(ปล่อยใบออกมานิดหน่อยพอ)ลากเหมือนเราตัดกระดาษ อย่างเบามือเพื่อเป็นการนำร่องบนแผ่นลามิเนต เนื่องจากหน้าแผ่นลามิเนตนั้นจะค่อนข้างลื่นละแฉลบได้ง่าย ให้ลากคัตเตอร์ซ้ำไปซ้ำมา อย่างนั้นจนมั่นใจแล้วว่าใบมีดจะไม่แฉลบออกจากรอยกรีด แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมือลงไปทีละนิดเรื่อยๆ จนขาด
  4. เมื่อเราได้แผ่นลามิเนตตามขนาดที่ต้องการต่อหน้าชิ้นงานแล้ว ต่อไปเป็นการทากาว การทากาวนั้นควรทาทั้งที่พื้นผิวหน้าชิ้นงาน และที่แผ่นลามิเนต โดยทำความสะอาดพิ้นผิวหน้าชิ้นงานก่อน ให้ปราศจากเศษฝุ่น เนื่องจากหากมีเศษฝุ่น หรือไม่สะอาด เวลาติดแผ่นจะทำให้มีช่องอากาศด้านใน ทำให้หน้าลามิเนตบวมลมได้ 
  5. เทกาวใส่ภาชนะ ที่จัดเตรียมไว้พอประมาณ ใช้แปรงหรืออุปกรณ์ที่เตรียมไว้ทา โดยการทากาวไม่ควรระเลงกาวเหมือนทาสีเพราะกาวจะค่อนข้างมีความหนืด ละแห้งเร็ว กาวจะจับตัวเป็นกลุ่มขยุมๆ เวลาติดแผ่นจะทำให้เกิดการนูนในที่ตรงนั้นๆ ให้เริ่มเทกาวพอประมาณ และไล่เก็บขอบของชิ้นงานก่อน การทาควรลากไปในทางเดียว ดูให้หน้าชิ้นงานที่เราทาโดนกาวทั่วถึงทุกจุด โดยไล่จากด้านใดด้านนึงสักด้านไป ไม่จำเป็นต้องทากาวให้ชุ่ม ทาแค่บางแต่ให้ทั่ว ละรีดเก็บรอยกาวที่ดูเป็นเส้นหรือเป็นปั้นก้อน ก่อนกาวจะจับ และทากาวแบบเดียวกันที่แผ่นลามิเนต รอให้กาวแห้งสักพักนึงประมาณ5-15 นาที แล้วแต่สภาพอากาศ
  6. ต่อไปเป็นการเริ่มที่วางแผ่นลามิเนตลงประกบกับหน้างาน โดยหากเราสังเกตุแผ่นลามิเนต จะมีด้านขอบแผ่นอยู่ 2 ด้านที่จะเรียบเนื่องจากเป็นรอยตัดมาจากโรงงาน ส่วนอีก 2 ด้านเป็นรอยตัดจากคัตเตอร์ของเรา ในการวางแผ่นลงบนงานเราควรดูขอบของชิ้นงานว่าใน 4 ด้าน มีด้านไหนดูเรียบและอยู่ในสภาพดีที่สุด ให้เอาด้านขอบเรียบของแผ่นลามิเนตวาง จัดด้านทั้ง 2 ด้านของแผ่นและชิ้นงานให้เสมอกันสวยงาม ส่วนด้านที่เป็นรอยตัดสามารถปล่อยให้ล้นขอบได้ เนื่องจากเราเผื่อขนาดให้ล้นไว้สำหรับเก็บงานแล้ว
  7. ขณะวางแผ่นเราไม่ควรวางทีเดียวเนื่องจากอาจจะมีอากาศติดอยู้ด้านใน เราควรใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาด ถูวนไล่จากจุดที่เราเริ่มวาง ส่วนเหลือเราอาจจะหาอะไรมาวางคั่นไว้เพื่อไม่ให้หน้ากาวสัมผัสกัน ระวังอย่าให้หน้ากาวส่วนที่ยังไม่ต้องการติดสัมผัสกันเพราะเมื่อกาวสัมผัสกันจะติดทันที และดึงออกยาก งานอาจจะเสียหายได้ เมื่อเราจับมุมทั้ง 2 ด้านได้แล้ว ใช้ผ้าถูวนไล่อากาศและค่อยๆขยับไล่ไปเรื่อยๆในทางใดทางนึง ขณะถูวนไปก็ค่อยๆนำตัวคั่นออกทีละอันๆ จนหน้าชิ้นงาน และแผ่นลามิเนตวางทาบกันแนบสนิท ให้เราวนไปเรื่อยๆให้ทั่วทั้งหน้าชิ้นงานเพื่อตรวจเช็คการประกบกันของกาวและเป็นการย้ำให้กาวประกบติดกันแน่นขึ้น ควรเน้นถูในส่วนของขอบชิ้นงานทั้ง 4 ด้าน หลังจากนั้นทิ้งไว้ให้กาวแห้งสักพักใหญ่ๆ
  8. ขั้นตอนสุดท้าย คือการเก้บขอบงาน ด้ารที่เราเผื่อให้ล้นออก ด้วยตะไบ ในการตะไบนั้น ควรตะไบไปในทางเดียว คือให้ตะไบรูดลง แล้วปล่อย แล้วกะตะไบรูดลง ไปจนตลอดขอบชิ้นงาน ไม่ควรตะไบรูดขึ้นย้อน เพราะอาจจะทำให้ขอบลามิเนตแตก หรือมีรอยร้าวลามเข้าไปในเนื้องานได้
         ครับสำหรับหน้างานแบบอื่นๆทั้งด้านหน้าTOPโต๊ะ หรือด้านข้าง ก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันได้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับไครหลายๆคนที่กำลังอยากจะปรับปรุงโต๊ะ ตู้ ไม้เรียบๆเก่าๆให้กลับมาดูน่าใช้....